รับสอนอเมริกัน อิงลิช  -  รับสอนภาษาไทยให้กับชาวต่างชาติและลูกครึ่ง   -  เชี่ยวชาญการว่าความให้ชาวต่างชาติ  -  รับสอนเทนนิส
      
สุดยอดเส้นทางลัด ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
           "Englishแบบเข้มข้น แต่ก็ปน เรื่องฮา.....B4 2 long Uจะคล่อง เรื่องภาษา
             ครูอาจารย์ นักเรียน.....ควรแวะเวียน กันเข้ามา
             มา
laugh มาlearn........มาเพลิดเพลิน กับการศึกษา"(โย่ว)(คลิกที่นี่)
<The Funtastic Way to Learn English>  
 อัพเดทสม่ำเสมอ พิเศษสำหรับสมาชิก
    เว็บสอนภาษา ที่ให้มากกว่าการสอนภาษา  .............    
 

   Men in Black IV :: ขโมยซ่าส์ ข้าเอาอยู่!  

      This is the true story of Elmer of Long Beach, California, who was going to bed when his wife told him that he'd left the light on in the shed.Elmer opened the door to go turn off the light but saw there were people in the shed in the process of stealing things.

He immediately phoned the police, who asked "Is someone in your house?" and Elmer said no and explained the situation. Then they explained that all patrols were busy, and that he should simply lock his door and an officer would be there when available.

Elmer said, "Okay," hung up, counted to 30, and phoned the police again.

"Hello, I just called you a few seconds ago because there were people in my shed. Well, you don't have to worry about them now because I've just shot them all."

Then he hung up. Within five minutes three squad cars, an Armed Response unit, and an ambulance showed up. Of course, the police caught the burglars red-handed.

One of the policemen said to Elmer : "I thought you said that you'd shot them!"

Elmer said, "I thought you said there was nobody available!"


--------------

     นี่คือวีรกรรมเรื่องจริงของเอลเมอร์ แห่งเมืองลองบีช แคลิฟอร์เนีย คืนวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังจะเข้านอน ภรรยาของเขาก็บอกว่า เขานั้น ลืมปิดไฟที่โรงเก็บของ เอลเมอร์จึงเปิดประตูเพื่อที่จะเดินไปปิดไฟ ทันใดนั้นเขาก็พบว่า มีพวกหัวขโมย กำลังขโมยของๆเขาในโรงเก็บของนั้น

   เขารีบโทรเรียก 911(nine one one) เจ้าหน้าที่ก็ถามว่า : "ขโมยมันอยู่ในบ้านคุณเรอะ?" เอลเมอร์ก็บอกว่าไม่ใช่ยังงั้น แล้วก็อธิบายให้ตำรวจฟัง ตำรวจก็บอกว่า ในตอนนี้ สายตรวจทุกคน ไม่มีใครว่างเลย ขอให้เขานั้น แค่ล็อคประตูบ้านให้เรียบร้อย หน่วยไหนว่าง ก็จะรีบมาทันที

เอลเมอร์ : "โอ.เค." แล้วเขาก็วางหู.. นับ1 ถึง 30 แล้วเขาก็โทรอีก
 เอลเมอร์ : "เอ้อ..คือว่า ผมเพิ่งโทรมาเมื่อกี้นี้ เรื่องที่ว่า มีหัวขโมย กำลังขโมยของอะนะ..เอ้อ..คือว่า ตอนนี้ พวกคุณคงไม่ต้องมาแล้วหละ..เพราะว่าผมยิงกบาลพวกมันเรียบร้อยแล้ว"

   แล้วเขาก็วางหู ไม่เกิน 5 นาที รถสายตรวจ 3 คัน, รถหน่วยจู่โจมติดอาวุธและรถพยาบาลก็มาทันที พวกเขาก็ตะครุบเจ้าพวกหัวขโมยเอาไว้ได้คาหนังคาเขา

ตำรวจคนหนึ่งกล่าวกับเอลเมอร์ : "คุณบอกว่า คุณยิงกบาลพวกมันอ้ะ"

เอลเมอร์ : "คุณบอกว่า ไม่มีใครว่างมาอ้ะ"

 

-------------

 
 ฝึกออกเสียง    

the shed : เดอะ เช็ดฺ(โรงเก็บของ,โรงเรือนเก็บสัมภาระ)n.

to turn off the lightt : ทู เทิน ออฟ เดอะ ไล้ทฺ(ปิดไฟ)v.

in the process of stealing things : อิน เดอะ โพร้'เสส ออฟ สตี้ล'หลิ่ง ติ่งสฺ(แบบว่า"กำลังงัดแงะ,กำลังขโมยของ" อะไรประมาณนั้น)

the situation : เดอะ สิฉุเอ๊'ฉั่น(เรื่องราว,สถานการณ์) n.

left the light on :: เล็ฟ เดอะ ไล้ทฺ ออน(ได้เปิดไฟทิ้งไว้, ลืมปิดไฟ)

hung up :: ฮั้ง อัพ (วางหู(โทรศัพท์)) มาจาก to hang up

patrol :: ผัทโทร่ล'(หน่วยสายตรวจ(ลาดตระเวณ))n.

three squad cars : ทรี สกว้อด' คาร์สฺ(รถสายตรวจ 3 คัน) คำว่า squad = A small unit of police officers(เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยย่อยๆ) ซึ่งโดยปกติแล้ว รถตำรวจ 1 คัน จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1-2 นาย (คำว่า squad นี้ เป็นคนละคำกับคำว่า S.W.A.T.นะครับ)

an Armed Response unit :: แอน อาร์ม เหรสป้อนสฺ'  ยู้'หนิท(เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการติดอาวุธ)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - -

             การแนะนำการออกเสียง โดยการเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือนั้น ไม่อาจทำได้สมบูรณ์ 100% ขอให้ท่านฟังจากดิคชันนารีออนไลน์(ฟรี) ซึ่งมีอยู่มากมายประกอบไปด้วย. ใช้ google หาดูนะครับ ควรฟังทั้งที่เป็นคำเดี่ยวๆและที่อยู่ในรูปประโยค
            และที่สำคัญครับ การเรียนภาษาในยุคนี้ ผู้สอนไม่ควรมานั่งถามศัพท์นักเรียนทีละคำ-สองคำอีกแล้ว แบบว่า"ไหนบอกซิ..คำนี้แปลว่าอะไร?-คำนั้นแปลว่าอะไร?" การมานั่งท่องศัพท์ทีละคำ-สองคำเหมือนที่เคยเรียนกันมาในอดีต อีกสิบชาติ ก็ไม่พอใช้หรอกครับ เปรียบดังฝนที่ตกลงมาทีละเม็ด-สองเม็ด เอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ แต่ควรให้คำศัพท์รวมทั้งเรื่องอื่นๆ สาดเทลงมากระทบร่างเราเหมือนดังห่าฝน..นั่นแหละครับ คือวิธีเรียนภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง(ซึ่งเราได้แนะนำกลวิธีไว้ให้ท่านแล้วในเว็บนี้..และอย่าลืมนะครับว่า ประเทศไทย ได้เข้ารวมกลุ่มเป็นAECแล้ว ถ้าไม่เร่งพัฒนาภาษากันอย่างจริงจังเสียแต่วันนี้ คนไทย จะเจอปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน)


 เกร็ดความรู้      

"Is someone in your house?"

   อยากให้พวกเราเข้าใจความหมายของประโยคภาษาพูดแบบนี้ ซึ่งจะมีความหมายว่า"มีผู้ร้ายอยู่ในบ้านคุณเหรอ?" ภาษาพูดแบบนี้ เราต้องเข้าใจนะครับว่า คำว่า someone ในกรณีนี้นั้น มีความหมายว่า"คนร้าย"หรือ"ผู้บุกรุกเข้ามาโดยมิได้รับอนุญาต"นะครับ (ไม่ใช่คนดีหรือสมาชิกของบ้าน) ถ้าเทียบความหมายกับประโยคว่า" (Is) somebody home?, (Is) anybody home?"(มีใครอยู่บ้านมั้ยครับ?),"There's nobody home."ะไรเหล่านี้ละก็ ความหมายจะต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว เพราะบุคคลในประโยคเหล่านี้ จะเป็นคนดีหรือสมาชิกของบ้านครับ

   อย่างหนังเรื่อง "Something out there"..ชื่อเรื่องแบบนี้ เราดูแค่ชื่อ ก็ต้องรู้ล่วงหน้าเลยนะครับว่า มันต้องเป็นสิ่งชั่วร้ายอย่างแน่นอน

 available

   อะเว้ล'หละบึ่ล(adj.) คำนี้น่าสนใจมาก มีหลายหน้าตา อธิบายกันได้สนุกสนาน 3 วัน 3 คืน เรามาทำความรู้จักเจ้าคำคำนี้ ใน หน้าตาที่เราจะต้องเจอบ่อยๆกันนะครับ

1.ใช้กับสิ่งของ มีความหมายว่า ที่มีไว้ให้,ที่มีไว้ใช้หรือจัดหามาได้,ที่พร้อมจะใช้งานได้

Tickets are available at the theaters near you.
ซื้อตั๋วได้ที่โรงภาพยนตร์ใกล้บ้านท่าน

The dress is also available in larger sizes.
ชุดนั้นมีไซส์ใหญ่กว่านี้ด้วยนะ

They missed the plane, and the next available flight doesn't leave until tomorrow.

พวกเขานั้นตกเครื่องบิน เที่ยวถัดไปก็ต้องเป็นวันพรุ่งนี้

2. ใช้กับคน มีความหมายว่า "ว่างที่จะพบหรือคุยด้วย"

Will you be available tomorrow?
พรุ่งนี้คุณจะว่างมั้ยครับ?

หรือเจอบ่อยตอนพูดโทรศัพท์ อย่างเช่นเราบอกเลขาคุณจอห์นว่า เราขอคุยกับคุณจอห์น เธอตอบว่า
I'm sorry, he is not available at the moment.
ขอโทษนะคะ ตอนนี้เขาไม่ว่างคะ(อาจจะติดสายอื่นอยู่หรือด้วยเหตุอื่นๆ)

  Then they explained that all patrols were busy, and that he should simply lock his door and an officer would be there when available.
   ตำรวจก็บอกว่า ในตอนนี้ สายตรวจทุกหน่วย(ยูนิท) ไม่มีใครว่างเลย ขอให้เขานั้น แค่ล็อคประตูบ้านให้เรียบร้อย หน่วยไหนว่าง ก็จะรีบมาทันที

  being caught red-handed=ถูกจับได้คาหนัง คาเขา
(= being caught in the act : ถูกจับได้ขณะกำลังกระทำ)

Jack was caught in the act and cannot deny what he did.
แจ๊คนั้นโดนจับคาหนังคาเขาและไม่สามารถแก้ตัวในสิ่งที่เขานั้นได้ทำลงไป

Many car thieves are caught red-handed.
พวกโจรขโมยรถหลายๆรายนั้น ถูกจับขณะกำลังลงมือ

Then he hung up. Within five minutes three squad cars, an Armed Response unit, and an ambulance showed up. Of course, the police caught the burglars red-handed.
 แล้วเขาก็วางหู ไม่เกิน 5 นาที รถสายตรวจ 3 คัน, รถหน่วยจู่โจมติดอาวุธและรถพยาบาลก็มาทันที พวกเขาก็ตะครุบเจ้าพวกหัวขโมยเอาไว้ได้คาหนังคาเขา

- - - - - - - - -- - - - - - - - - -

          Note : โจ๊กเรื่องนี้ แฝงไว้ด้วยวัฒนธรรมอเมริกัน เราจะเห็นได้ว่า คนอเมริกันนั้น จะให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ,ชีวิต,ทรัพย์สิน,ความปลอดภัย,การใช้อาวุธที่ร้ายแรงแรงภายใต้กรอบของกฏหมาย คนอเมริกันจะไม่ค่อยถูกเนื้อต้องตัว(แบบว่าลงไม้ลงมือกัน) เวลาโต้เถียงกันแบบดุเดือด ก็จะเอาหน้าผากมาชนกัน เอาจมูกมาชน(ขวิด)กัน แต่จะไม่ปล่อยหมัดแบบแก้ว พงษ์ประยูร นักชกแชมป์โอลิมปิค 2012 ของเรา(แฮ่ๆ..ดูการชกในรอบชิงแล้วขำกลิ้ง..อยากจะบอกแก้วว่า..ชกไปก็ป่วยการ พวกตั้งธงเอาไว้แล้ว..ต่อให้ชกจนคู่ชกตายคาหมัด พวกเขาก็จะอุ้มศพขึ้นมาชูมือ.แหะๆๆ..ดูแล้ว ก็อยากจะร้องเพลงดังของเจิน เจิน บุญสูงเนินกระโทก(ของผมคือ ศรีสุวรรณสันเทียะ บ้านเราอยู่ไม่ไกลกันครับ) โดยขออนุญาตปรับเปลี่ยนเนื้อร้องนิดหน่อยเป็น "ต้องปล้น..ต้องปล้น จึงจะชนะ"

           เห็นได้ชัดว่า ซูชิ เหม็ง นักชกจีนนั้น ไม่ได้ตั้งใจที่จะขึ้นมาชก พยายามจะชวนวิ่ง 100 เมตรและเล่นมวยปล้ำกอดรัดฟัดเหวี่ยงและขวิดโลด สวมวิญญาณผู้รับเหมา โดนไปหลายขนาน จนจำชื่อแม่ยายไม่ได้แล้ว หัวซุกหัวซุน บางครั้งถึงกับคารวะฮ่องเต้ คือลงไปคลานสี่ขาเหมือนน้องหมา(ผู้น่ารัก..แฮ่ๆ) ซึ่งตรงกับสำนวนภาษาอังกฤษว่า"on all fours" ดังตัวอย่างประโยค

     Three of us were on all fours, looking for the lost earring in the sand.
     พวกเราทั้งสามคน ลงไปคลานบนพื้น มองหาตุ้มหูที่หายไปบนผืนทราย

      Tom got down on all fours to play with his grandson.
      ทอมนั้น ลงไปคลานสี่ขาบนพื้นเพื่อเล่นกับหลาน

            มันทุเรศมากครับ เห็นกันทั้งโลก..ดูแล้วขำจริงๆ.....It's a matter of freakin' money, let me tell ya.555)

  พูดถึงเรื่องการที่ฝรั่งเถียงกันจนหน้าดำหน้าแดง เอาหน้าผากมาชนกัน เอาจมูกมาเสยกันแบบทำยุทธหัตถี ฝ่ายไหนได้ล่างก็จะงัดเอาอีกฝ่ายหนึ่งจนเซไป ดังนี้..แฮ่ๆ..เอ้อ! ไม่ใช่ครับ ผมก็อธิบายไปเรื่อยเปื่อยแบบน้ำมาปลากินมด น้ำลด ให้รีบเข็นครกขึ้นภูเขา.. เอาเป็นว่า ต่อให้เถียงกันจนน้ำลายเต็มหน้า นอกจากเอาหน้าผากมาชนกัน(หรือเกือบชนกัน)แล้ว พวกเขาก็จะไม่ถูกเนื้อต้องตัวกัน ซึ่งมีสำนวนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้อยู่ 2 สำนวนที่น่าจดจำคือ

   “Never throw the first punch.”

   “Who threw the first punch?”

 ครับ 2 สำนวนนี้ อันแรก ก็อาจจะเป็นคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ บอกทำนองว่า "อย่าไปลงไม้ลงมือก่อนเชียวนะ"("ให้เขาล่อเราก่อนเถิด ประเสริฐยิ่ง..แฮ่ๆ" บอกให้เรานั้น ต้องสวมวิญญาณ"บักอึดถลาลม"เอาไว้ก่อน..แฮ่ๆ จะเกี่ยวกันมั้ยเนี่ย?)

สำนวนอันที่ 2 ก็มักจะเป็นเรื่องที่ต้องถูก raised หรือหยิบยกขึ้นมา เป็นการถามประมาณว่า ใครชกก่อน? หรือใคร เป็นฝ่ายลงมือก่อน? เพื่อเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาชี้ถูก-ชี้ผิด ในเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้น

สำนวนพวกนี้ มีการใช้กว้างขวาง แพร่หลาย และใช้เป็นสำนวนอุปมาอุปไมย,เปรียบเเทียบหรือเปรียบเปรย ในเรื่องราวอื่นๆหรือบริบทอื่นๆด้วย

สำนวนแนวๆนี้ ที่เราเจอบ่อย แม้ความหมายจะต่างไปบ้าง แต่ก็พอจะนับว่าอยู่ในกลุ่ม ที่เป็นญาติโยมกันได้คือ

to draw the first blood, to do the damage, etc.ซึ่งขอฝากเอาไว้ก่อนครับ ประเดี๋ยวมันจะเยิ่นเย้อเกินไป

- - - - - - - - -

 อ่านข่าวการชกของแก้วและซูชิ เหม็ง(เฉ่าอ้า)ในสื่อของต่างประเทศ และบทแปลฮาๆ (คลิก)

- - - - - - - --

  มารับฟัง-รับชมเพลงอันไพเราะ.."ต้องสู้"..ของเจิน เจิน กันดีกั่ว
   http://www.youtube.com/watch?v=rUvnsjBLDDk

 


 

Fudfidforfun
Learn & Laugh Simultaneously
 เสริมสร้างปัญญา ฮากระจาย


 


Copyright (C)
2003 By www.fudfidforfun.com All rights reserved.