รับสอนอเมริกัน อิงลิช  -  รับสอนภาษาไทยให้กับชาวต่างชาติและลูกครึ่ง   -  เชี่ยวชาญการว่าความให้ชาวต่างชาติ  -  รับสอนเทนนิส
    
สุดยอดเส้นทางลัด ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
        "Englishแบบเข้มข้น แต่ก็ปน เรื่องฮา....B4 2 long Uจะคล่อง เรื่องภาษา
            ครูอาจารย์ นักเรียน      ควรแวะเวียน กันเข้ามา
            มา
laugh มา learn     มาเพลิดเพลิน กับการศึกษา"(โย่ว) (คลิกที่นี่)  
<The Funtastic Way to Learn English>
 อัพเดทสม่ำเสมอ พิเศษสำหรับสมาชิก
    เว็บสอนภาษา ที่ให้มากกว่าการสอนภาษา  .............    
 

 Ten dollars will do it :: คู่แข่งโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค

  Ronny went to a psychiatrist. "Doc," he said, "I've got trouble. Every time I get into bed, I think there's somebody under it. I get under the bed, I think there's somebody on top of it. Top, under, top, under. "you gotta help me, I'm going crazy!"

"Just put yourself in my hands for two years," said the shrink. "Come to me three times a week, and I'll cure your fears."

"How much do you charge?"

"A hundred dollars per visit."

"I'll sleep on it." said Ronny.

Six months later the doctor met Ronny on the street. "Why didn't you ever come to see me again?" asked the psychiatrist.

"For a hundred bucks a visit? A bartender cured me for ten dollars."

"Is that so! How?"

"He told me to cut the legs of the bed!"

- - - - - -

รอนนี่ไปพบจิตแพทย์

รอนนี่ : "คุณหมอครับ ผมกำลังมีปัญหาหนักครับ คือว่าทุกครั้งที่ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง ผมนั้น จะคิดว่า มีใครบางคนแอบอยู่ใต้เตียง พอผมมุดเข้าไปใต้เตียง ผมก็จะคิดว่า มีใครบางคนอยู่บนเตียง ผมกลับขึ้นไปใหม่ ก็คิดเรื่องใต้เตียงอีก สลับไปสลับมาอยู่อย่างนี้ตลอด คุณหมอต้องช่วยผมนะครับ ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว !"

จิตแพทย์ :"คุณต้องมาให้ผมรักษาสัก 2 ปี โดยแวะมาอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ผมจะช่วยขจัดความกลัวนั้นให้หายไป"

รอนนี่ : "คุณหมอจะคิดค่ารักษาเท่าไรครับ?"

จิตแพทย์ : "ก็ครั้งละร้อยเหรียญ"

รอนนี่ : "ขอผมกลับไปคิดดูก่อนนะครับ"

หกเดือนหลังจากนั้น คุณหมอคนนั้น บังเอิญได้เจอรอนนี่บนถนน

คุณหมอ :"ทำไมคุณถึงไม่มาหาผมละครับ? "

รอนนี่ : "ครั้งละร้อยเหรียญนะเหรอ? ไม่ไหวครับ บาร์เทนเดอร์คนหนึ่งเขาช่วยรักษาผมแล้ว เสียแค่สิบเหรียญเท่านั้นแหละครับ ขอบอก"

คุณหมอ : "ยังงั้นหรอกเรอะ ! เขาทำยังไงล่ะ?"

รอนนี่ : "เขาบอกให้ตัดขาเตียงออกให้หมด !"

(ง่ะๆๆๆ)


-------------

 เพิ่มพูนปัญญา  หลังฮาเฮ


ฝึกออกเสียง 

psychiatrist : ไส่ไค้-เออะถริสทฺ (จิตแพทย์) บ้างก็ใช้ psychologist (ไส่โค้-โหละจิสทฺ) (n.)

the shrink : ชริ่งคฺ- คำนี้เป็นสแลง หมายถึง psychiatrist หรือ psychologist นั่นแหละครับ (n.)

cure :เคียว (รักษา) v.(มีเสียง"เออะ"เล็กๆท้ายคำ)

fear : เฟี่ย (ความกลัว) n.

visit : วิ-สิทฺ (หมายถึง"การไปพบหมอ, การไปให้หมอตรวจรักษา") n.

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     
การแนะนำการออกเสียง โดยการเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือนั้น ไม่อาจทำได้สมบูรณ์ 100% ขอให้ท่านฟังจากดิคชันนารีออนไลน์(ฟรี) ซึ่งมีอยู่มากมายประกอบไปด้วย. ท่านใช้ google หาดูนะครับ ควรฟังทั้งที่เป็นคำเดี่ยวๆและที่อยู่ในรูปประโยค
      และที่สำคัญครับ การเรียนภาษาในยุคนี้ ผู้สอนไม่ควรมานั่งถามศัพท์นักเรียนทีละคำ-สองคำอีกแล้ว แบบว่า"ไหนบอกซิ..คำนี้แปลว่าอะไร?-คำนั้นแปลว่าอะไร?" การมานั่งท่องศัพท์ทีละคำ-สองคำเหมือนที่เคยเรียนกันมาในอดีต อีกสิบชาติ ก็ไม่พอใช้หรอกครับ(with all due respect(ด้วยความเคารพ)) 
เปรียบดังฝนที่ตกลงมาทีละเม็ด-สองเม็ด เอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ แต่ควรให้คำศัพท์รวมทั้งเรื่องอื่นๆ สาดเทลงมากระทบร่างเราเหมือนดังห่าฝน..นั่นแหละครับ คือวิธีเรียนภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง
ซึ่งเราได้แนะนำกลวิธีไว้ให้ท่านแล้วในหนังสือและในเว็บฟุดฟิดฟอร์ฟันนี้
    และที่สำคัญ..อย่าลืมนะครับว่า ประเทศไทย ได้เข้ารวมกลุ่มเป็น AEC แล้ว ถ้าไม่เร่งพัฒนาภาษากันอย่างจริงจังเสียแต่วันนี้ คนไทย ก็จะพลาดโอกาสและเสียประโยชน์ในหลายๆด้าน


เกร็ดความรู้

"I'll sleep on it." อันนี้เป็นสำนวนที่พบบ่อย แปลตรงตัว(ไม่โดนหัว เพราะว่าหัวและไส้ ออกไปหากิน..เหอๆๆ)ว่า "ผมขอนอนทับมัน"(สักคืนสองคืน) ความหมายที่ถูกต้อง จะหมายถึง การที่ผู้พูด ยังไม่ตัดสินใจในทันที แต่จะขอกลับไปคิดใคร่ครวญดูก่อน

Ronny : "How much do you charge?"
รอนนี่ : "คุณหมอจะคิดค่ารักษาเท่าไรครับ?"

The shrink : "A hundred dollars per visit."
จิตแพทย์ : "ก็ครั้งละร้อยเหรียญ"

"I'll sleep on it." said Ronny.
รอนนี่ : "ขอผมกลับไปคิดดูก่อนนะครับ"

"I'm going crazy!" ="ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว!" อันนี้เป็นสำนวน เราจะพบบ่อย ลองดูตัวอย่างอื่นนะครับ

The audience went crazy when Shania and Sharon came on stage .
แฟนๆพากันส่งเสียงต้อนรับอย่างอึงมี่ เมื่อนักร้องสาว"ชาเนีย"(ทเวน)และดาราสาว"ชาร้อน"(สโตน)ได้มาโชว์ตัวบนเวที

(แฟนๆแสดงความตื่นเต้น เมื่อได้เห็นทั้ง"ชาเนีย"และ"ชาร้อน" ยังขาดก็แต่เพียง"ชาเขียว"เท่านั้น..อ่ะๆๆ)

(to come on stage นั้น ยังมีความหมายว่า"เปิดการแสดง"ได้ด้วย)

(ในหน้าตานี้ went crazy จะแปลว่า"ตื่นเต้นยินดี")

ลองดู คำว่า"like crazy"ที่เป็นสแลง จะมีความหมายว่า"เร็วมาก, หนัก, มาก ฯลฯ"

I worked like crazy to get it done on time.
ผมลุยงานอย่างหนัก เพื่อให้มันเสร็จทันเวลา

เอาอีกตัวอย่างหนึ่งนะครับ

I know it sounds crazy but it just might work.
ผมรู้ครับ ว่ามันฟังดูงี่เง่า แต่มันอาจจะได้ผลนะ



 

 

.
Fudfidforfun
Learn & Laugh Simultaneously
 เสริมสร้างปัญญา ฮากระจาย
 <Previous>< Home ><Next>
 


Copyright (C)
2003 By www.fudfidforfun.com All rights reserved.