ข่าวด่วน 
รับสอนอเมริกัน อิงลิช  -  รับสอนภาษาไทยให้กับชาวต่างชาติและลูกครึ่ง   -  เชี่ยวชาญการว่าความให้ชาวต่างชาติ  -  รับสอนเทนนิส
           *สุดยอดเส้นทางลัด ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพื่อการศึกษา,อาชีพ-การงาน, ธุรกิจ-การค้า,เพื่อสาระและบันเทิง
             
- ท่านจะหัวเราะ จนเหงือกและฟันหลุดกระเด็น!!
             - เพิ่มพูนความรู้ เอิ๊กอ๊ากตัวงอ ชะลอความแก่
(คลิกที่นี่)
<The Funtastic Way to Learn English>
 อัพเดททุกวัน มันส์ทะลุโลก
    เว็บสอนภาษา ที่ให้มากกว่าการสอนภาษา  .............    
 

  ดร.โกร่งตำหนิ+ให้ข้อคิดพรรคประชาธิปัตย์และนายชวน c

"อลงกรณ์" กับ "ประชาธิปัตย์" ...โดย ...วีรพงษ์ รามางกูร


ขณะนี้มีข่าวร้อนแรงเกี่ยวกับบ้านเราอยู่หลายข่าว เป็นต้นว่า ราคาทองคำร่วงอย่างน่าใจหาย
ข่าวเรื่องศาลโลกกำลังพิจารณาคดีเขาพระวิหาร และข่าวประธานคณะที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์
ออกมาตำหนินายอลงกรณ์ พลบุตร แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาเสนอการปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์อย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน

ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ออกมาตำหนิว่า การวิพากษ์วิจารณ์พรรคไม่ควรทำอย่างเปิดเผย
ควรทำในพรรค ก็แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ในทรรศนะของประธานที่ปรึกษาพรรคที่เคยเป็น
หัวหน้าพรรคมาก่อนยังมีทรรศนะแบบเดิมๆ กล่าวคือพรรคประชาธิปัตย์เป็นของแกนนำหรือกรรมการ
หรือกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายให้พรรคเป็นของสมาชิก 3 ล้านคน หรือผู้สนับสนุน
อีก 8 ล้านคน หรือของประชาชนทั้งประเทศทั้งที่เป็นสมาชิก ผู้สนับสนุนและประชาชนทั่วไป

สำหรับคนทั่วไปแล้ว ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นของเราด้วย เพราะพรรคเอาเงินภาษีอากรของประชาชน
ไปใช้ ประชาชนทั่วไปจึงควรมีสิทธิได้รับรู้ความคิดเห็นของแกนนำและกรรมการพรรคแต่ละคนด้วยว่า
ใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปพรรค เมื่อถึงคราวหย่อนบัตร ประชาชนทั้งที่เคยสนับสนุนและไม่
เคยสนับสนุนจะได้ตัดสินใจถูก ไม่ใช่เป็นพรรคปิดลับ รู้กันแต่แกนนำพรรคแต่ละคนว่ามีเหตุผล มีความคิด
อย่างไร ใครมีอำนาจครอบงำความคิดพรรคและผู้ที่ครอบงำนั่นมีความคิดเห็นอย่างไร ไม่ใช่เป็นพรรคปิด
รู้กันแต่ในชมรม "นกแก้วนกขุนทอง" ที่หัดพูดหัดจำตามที่ผู้เลี้ยงนกสอนให้พูด

เรื่องที่สองก็คือ ต้องปฏิรูปความคิดจากการเป็นพรรคปิดมาเป็นพรรคเปิดต่อประชาชน ต่อสาธารณชน
จะได้มีโอกาสฟังเสียงประชาชน ปฏิรูปความคิด ทัศนคติและการวิเคราะห์การเมืองและสังคมอย่างเป็น
วิทยาศาสตร์ มีข้อมูล หรือชาวฝรั่งเขาเรียกว่าวิเคราะห์อย่างภาวะวิสัย "objective" ไม่ใช่วิเคราะห์อย่าง
อัตวิสัย หรือ "Subjective" เลิกคิดเรื่องที่ว่า เงินซื้อการเมืองได้ทุกอย่าง คนไทยส่วนใหญ่ถูกมอมเมา
ด้วยเงินและนโยบายประชานิยม เพราะขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็ทำอย่างเดียวกัน ทำไม
ไม่ได้ผล เลือกตั้งทั่วไปเมื่อไหร่ก็แพ้เมื่อนั้น

เมื่อ ส.ส.พรรคตรงกันข้ามออกมาสนับ

สนุนการปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ ก็ให้โฆษกพรรคออกมาบริภาษพรรคเพื่อไทยว่าไม่สนใจทำงานของตัว
แต่มาสนใจเรื่อง "ภายใน" พรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคตัวเองวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ต้องรอสั่งซ้ายสั่งขวา
ทางสไกป์จากต่างประเทศ

การโต้ตอบแบบนี้ไม่มีประโยชน์ ไม่สร้างสรรค์ ไม่ได้สื่ออะไรถึงประชาชนเลย

น่ารำคาญ

ประการต่อไปคือ "จุดยืน" ของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยได้รับการสนับสนุนอย่างมาก เพราะมีจุดยืนต่อต้าน
"เผด็จการทหาร" แม้ว่าเมื่อทหารออกมาจริงๆ จะหายตัวไปหมดก็ตาม แต่พอทหารให้รัฐธรรมนูญก็ออก
มาต่อต้านรัฐธรรมนูญและต่อต้านทหาร ซึ่งได้ใจประชาชนและขบวนการประชาธิปไตย

แต่เมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา พรรคกลับร่วมไม้ร่วมมือกับพันธมิตรสร้างกระแสนำทางให้ทหารทำการปฏิวัติ
รัฐประหารเสียเอง

กระทำการหลายๆ อย่างตรงข้ามกับขบวนการประชาธิปไตย เช่น ประณามเสียงส่วนใหญ่ในต่างจังหวัด
ว่าเป็นเสียงไม่มีคุณภาพ เป็นเสียงที่ซื้อได้ ไม่มีคุณภาพเท่ากับเสียงคนกรุงเทพฯ เรียกร้องให้
พระราชทานนายกรัฐมนตรีโดยใช้มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ จนได้สมญานามว่า "มาร์ค ม.7" เมื่อมีการ
ยุบสภา ก็บิดเบือนหลักวิชา ถามว่าสภาผู้แทนราษฎรมีความผิดอะไรจึงยุบสภา ครั้งพอตนมาเป็น
นายกรัฐมนตรีมีคนมาเดินขบวนจำนวนหลายแสนเรียกร้องให้ยุบสภา กลับไม่ใช้การยุบสภาให้ประชาชน
ตัดสินโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ แต่ใช้วิธี "ขอพื้นที่คืน" กับ "กระชับพื้นที่" ด้วยกำลังทหาร มีคนตาย
เกือบ 100 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 คน จนเป็นคดีอยู่ในศาลไทยและอาจจะต้องขึ้นศาลยุติธรรมระหว่าง
ประเทศ

การตัดสินใจคว่ำบาตร การเลือกตั้งทั่วไปหลังการยุบสภา ไม่ส่งตัวแทนพรรคลงสมัครเลือกตั้ง โดยหวัง
ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะโดยไม่มีเหตุอันควร เหมือนที่เคยคว่ำบาตรการเลือกตั้งปี 2495 เมื่อ
จอมพล ป.พิบูลสงคราม นำเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495 ที่มีบทบัญญัติให้มี
ส.ส.ประเภทสองมีจำนวนเท่ากับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะถ้าพรรคมนังคศิลาของจอมพล ป. ได้
ส.ส.จากการเลือกตั้งอีกเพียงเสียงเดียวก็ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภา

ผู้แทนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ฝ่ายค้านไม่มีทางเป็นรัฐบาลได้เลย

การคัดค้าน ขัดขวาง ถ่วงเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่มีรากฐานมาจากคณะรัฐประหาร
คมช.เป็นการแสดงจุดยืนขัดขวางการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างตรงไปตรงมา ต่างกับเมื่อก่อนที่
ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ที่เคยเรียกรัฐธรรมนูญที่มีรากฐานมาจากรัฐประหารว่าเป็น "รัฐธรรมนูญฉบับฟันปลอม"
และได้รับเสียงสนับสนุนจากคนในกรุงเทพฯ อย่างมากจนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516

การต่อสู้ขัดขวางการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสำหรับประชาชนที่ร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก โดยอ้าง
ว่าจะเป็นการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ให้ต้องได้รับโทษ เมื่อมีการเสนอกฎหมายไม่ครอบคลุม
พ.ต.ท.ทักษิณและแกนนำทั้งสองฝ่าย จะนิรโทษกรรมประชาชนคนชั้นล่างที่ถูกข้อหา "ผู้ก่อการร้าย" ศาล
ไม่ให้ประกันตัว แต่กรณียึดสนามบินยึดสถานที่ราชการ ศาลกลับให้ประกันตัว คนยากจน คนชั้นล่าง ก็ต้อง
อาศัยสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ก็คัดค้านขัดขวางหน่วงเหนี่ยวเท่ากับยืนอยู่กับคนชั้นสูง ซึ่งมี
จำนวนน้อยกว่าคนชั้นล่าง เคยแหย่ถามพรรคพวกที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์คำตอบก็คือ ต้องรักษาส่วน
แบ่งของตลาดเอาไว้ มิฉะนั้นจะไม่เหลืออะไรเลย

ถ้าทัศนคติเป็นอย่างนี้ก็คงจะเป็นอย่างนี้ต่อไป พรรคพวกที่อยู่เพื่อไทยเคยบอกว่าจะไม่รุกหัวหน้าพรรค
และประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์จนอยู่ไม่ได้ เพราะถ้าทั้ง 2 ท่านนี้ยังอยู่ พรรคเพื่อไทยสบาย
มีเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ชนะ คดีความต่างๆ จึงไม่ต้องรีบเร่ง ไปเรื่อยๆ หัวหน้าพรรคปัจจุบันหมดวาระแล้วถ้าได้รับ
เลือกให้อยู่ต่อก็ดี ฟังวิธีคิดของพรรค

เพื่อไทยแล้วก็ "เศร้าใจ" เหมือนกัน


มีร้านตัดผมที่ใช้บริการมาเกือบ 30 ปีแล้วอยู่หน้าซอยอินทามระ 33 ชื่อร้าน "ชายบาร์เบอร์" คุยกันเมื่อ
5-6 ปีก่อนว่า การเมืองไทยในที่สุดจะเป็นอย่างไร ใครจะชนะ ช่างตัดผมยิ้มแล้วตอบว่า "ขบวนการประชาชน

ถ้าจุดติดแล้วไม่เคยไม่ชนะ เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น" เพราะจำนวนมีมากกว่าและนับวันจะเติบโตมาก
ขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายตรงกันข้ามจะเล็กลงเรื่อยๆ ไม่เชื่อท่านคอยดูก็แล้วกัน ประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศ
ต่างๆ ในโลกเป็นอย่างนั้น ฟังคำวิเคราะห์ของช่างตัดผมแล้วสะดุ้ง เพราะพูดได้คมกว่าผู้นำพรรคการเมือง
หลายๆ คน ในหลายๆ พรรค

จุดยืนในเรื่องนโยบายต่างประเทศโดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้าน พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยนึกว่าคนไทย
ที่ทำมาหากินอยู่ในบริเวณพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีญาติพี่น้องอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านก็เป็น
ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเหมือนกัน การไปตั้งแง่กับพม่า ลาว กัมพูชา แล้วพยายามไปผูกมิตรกับมหา
อำนาจอย่างอเมริกา อังกฤษ ยุโรป อาจจะมีคนไทยที่มีสิทธิออกเสียงอยู่บ้างแต่ก็ไม่มาก ไม่คุ้มกับเสียง
ของคนไทยในบริเวณชายแดน เสียงเชียร์จากประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านอย่านึกว่าไม่สำคัญ เพียงแต่
พรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้เท่านั้นเอง เพราะไม่เคยเดินเข้าไปในเขมร ลาว พม่า หรือไทยสิบสองปันนา ถ้าเดิน
เข้าไปคุยกับแม่ค้าตลาดสดตอนเช้าก็จะได้ความรู้สึกว่าเขาสนใจการเมืองไทยมาก เวลามีการอภิปรายใน
สภาไทย ประชาชนเพื่อนบ้านทั้ง พม่า ลาว กัมพูชา ฟังภาษาไทยออก เพราะเขาดูละครทีวีไทยทุกวัน
ฟังการอภิปรายในสภาไทย วิพากษ์วิจารณ์พรรครัฐบาลพรรคฝ่ายค้านอย่างตรงไปตรงมา เปิดเผยกว่าคนไทย
เสียอีก ซึ่งสะท้อนความคิดเห็นของคนไทยตามแนวชายแดนได้ดี

สิ่งเหล่านี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยนำมาวิเคราะห์วิจัยเพื่อปฏิรูปพรรค เอาแต่เชื่ออย่างเดิมๆ รักษาส่วนแบ่ง
ตลาดไว้ พรรคตรงกันข้ามชนะเพราะมีเงินมากกว่า พรรคเรามีเงินน้อยกว่า คนอีสาน คนเหนือซื้อเสียงได้
มีอะไรพูดกันในพรรคอย่าให้ "คนนอก" ได้ยิน

"คนนอก" หมายถึงใครกันแน่


 

 <Previous>< Home ><Next>
 


Copyright (C)
2003 By www.fudfidforfun.com All rights reserved.